เรื่อง กระทำโดยเจตนา (มาตรา 59 วรรค 2 )
กระทำโดยเจตนา ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
ปัญหาว่าผู้กระทำมีเจตนาทำร้ายร่างกายหรือเจตนาฆ่ามีหลักการวินิจฉัยจากแนวคำพิพากษาศาลฎีกาดังนี้
1 ดูจากความร้ายแรงของอาวุธ
2 ดูจากอวัยวะที่ถูกกระทำ
3 ดูจากลักษณะบาดแผลที่ได้รับ
4 ดูจากพฤติการณ์แห่งการกระทำอื่นๆประกอบ
เฉพาะอาวุธ ถ้าเป็นอาวุธปืนโดยปกติศาลฎีกาถือว่ามีเจตนาฆ่า
บางกรณีการใช้อาวุธปืนยิงไม่ถือว่ามีเจตนาฆ่าเช่น รู้ว่ากระสุนปืนบรรจุเฉพาะดินปืนอัดด้วยกระดาษไม่อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ หรือมีเจตนายิงที่ขาระยะใกล้
ตัวอย่าง
จำเลยเล็งปืนไปที่หน้าอกผู้เสียหายแล้ว เผอิญมีคนมาปัดปืน กระสุนจึงไปถูกผู้อื่นที่เท้า เช่นนี้ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า
การยิงขู่โดยไม่ประสงค์ให้ถูกผู้ใดแต่กระสุนปืนแฉลบไปถูกถือว่าไม่มีเจตนาฆ่าและเจตนาทำร้าย
การใช้อาวุธปืนยิงไปที่พื้นในขณะผู้อื่นกำลังเดินเข้าไปหาในระยะใกล้เป็นการกระทำย่อมเล็งเห็นว่ากระสุนปืนอัดกระเด็นไปถูกผู้นั้นได้รับบาดเจ็บ ถือว่ามีเจตนาทำร้าย
การใช้ปืนจ้องแต่ไม่ยิงทั้งที่มีโอกาสยิงได้ถือเป็นการใช้ปืนจ้องข่มขู่เท่านั้นไม่มีเจตนาฆ่า
จำเลยเลือกฟันอวัยวะสำคัญแต่พลาดไปถูกร่างกายส่วนอื่นจึงมีบาดแผลเพียงเล็กน้อยถือว่าเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่ามิใช่เพียงทำร้าย
ใช้แอลกอฮอล์ซึ่งเป็นของเหลวไวไ ไฟเทราดตามร่างกาย แล้วใช้ไฟจุดเผาซึ่งอยู่ภายในอาคารเป็นเจตนาประสงค์ต่อผลที่จะฆ่าผู้ตายและลักษณะการกระทำของจำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าไฟต้องลุกไหม้ภายในอาคาร
จำเลยใส่สารพิษลงในน้ำในปริมาณไม่มากพอที่จะเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ให้ผู้เสียหายเดิมแสดงว่าจำเลยมีเพียงเจตนาทำร้ายไม่ได้มีเจตนาฆ่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น