เรื่องบันดาลโทสะ
มาตรา 72 ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้นศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
คำถาม การกระทำความผิดในระยะเวลาที่สืบเนื่องเชื่อมโยงติดต่อกันมาโดยตลอด เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ขาดตอนจากการถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จะอ้างเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะได้หรือไม่
คำตอบ มีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไว้ดังนี้
การที่จำเลยถูกผู้เสียหายที่ 1 ชกต่อยถึง 2 ครั้ง เป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม หลังจากนั้นจำเลยขับรถกลับไปเอาอาวุธมีดที่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 300 เมตร แล้วนำอาวุธมีดกลับมาฟันทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 ในทันที ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวตั้งแต่ผู้เสียหายที่ 1 ชกต่อยจำเลยแล้ว จำเลยกลับไปที่บ้านนำเอาอาวุธมีดมาฟันผู้เสียหายที่ 1 นั้น เป็นระยะเวลาที่สืบเนื่องเชื่อมโยงติดต่อกันมาโดยตลอดในขณะนั้นเอง เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ขาดตอน เนื่องจากบ้านพักของจำเลยกับที่เกิดเหตุห่างกันไม่มากนัก กรณีถือได้ว่าจำเลยกระทำต่อผู้เสียหายที่ 1 ในขณะที่ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ตาม ป.อ มาตรา 72
เรื่องผู้สนับสนุน
มาตรา 86 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆมันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิดแม้ผู้กระทำความผิดจะไม่ได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตามผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดต้องระวางโทษ 2 ใน 3 ส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น
คำถาม การเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการกระทำของพวกแต่ไม่เข้าไปห้ามปรามหรือขัดขวางเพื่อมิให้ผู้เสียหายถูกกระทำชำเราโดยไม่ปรากฏว่ามีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นหรือร่วมกระทำความผิดกับพวกด้วยจะเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนหรือไม่
คำตอบ มีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไว้ดังนี้
การที่จำเลยที่ 1 เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการกระทำของพวกจำเลยที่ 1 แต่ไม่ได้เข้าไปห้ามปรามหรือขัดขวางเพื่อมิให้โจทก์ร่วมถูกข่มขืนกระทำชำเรากรณีดังกล่าวก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 2 กับพวกข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วมจึงไม่เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น